บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก สิงหาคม, 2013

ดูสเปค Smartphone ให้เป็น ตอนที่ 1

รูปภาพ
ดูสเปค Smartphone ให้เป็น ตอนที่ 1 ผมเคยกล่าวในบทความหลาย ๆ บทความที่ผมเขียนใน Blog แห่งนี้เสมอว่า Smartphone กับ Computer นั้นมีหลักการทำงานที่เหมือนกัน นั่นคือมี Hardware และ Software นั่นเอง สำหรับบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการดูสเปคของ Smartphone กันครับ เริ่มจากอุปกรณ์ตัวแรกสุดที่มีความสำคัญกับ Smartphone มากที่สุด นั่นคือ CPU สำหรับหน่วยในการวัดความเร็วในการประมวลผลของ CPU สำหรับ Smartphone ในปัจจุบันจะมีอยู่ 2 หน่วย นั่นคือ MHz และ GHz ซึ่งมีลักษณะการเขียนดังต่อไปนี้ 850 MHz หรือ 1.0GHz อะไรมีความเร็วมากกว่ากัน แน่นอนครับ CPU ที่มีความเร็ว 1.0GHz ย่อมมีความเร็วมากกว่า 850 MHz เพราะหน่วยที่ใช้แตกต่างกัน อาจจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ 1000 MHz มีค่าเท่ากับ 1 GHz นั่นเอง นอกจากความเร็วที่เราให้ความสนใจแล้ว CPU ยังมีเรื่องของสถาปัตยกรรม ที่เรามักได้ยินกันอย่างเสมอว่า Single Core, Dual Core หรือ Quad Core สถาปัตยกรรมเหล่านี้คืออะไร ตอบแบบให้เข้าใจได้ง่ายสุด ๆ คือการออกแบบโครงสร้างของ CPU ให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้น Single Core เป็นการทำงานในลักษณะของ

เทคนิคการแก้ปัญหา Smartphone เบื้องต้น

รูปภาพ
เทคนิคการแก้ปัญหา Smartphone เบื้องต้น ปัจจุบัน Smartphone มีวางจำหน่ายให้เราได้เลือกใช้อย่างมากมาย มีให้เลือกหลายรุ่นหลายราคา แต่ไม่ว่า Smartphone ของคุณจะมีราคาสูง หรือราคากลาง ๆ สเปคสูง หรือสเปคกลาง ๆ ย่อมหนีไม่พ้นต้องมีปัญหาเข้าสักวันหนึ่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการ และระยะเวลาในการใช้งาน การตรวจสอบเบื้องต้นเมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับคุณ สิ่งแรกที่คุณควรทำคือ ก่อนหน้าที่จะเกิดปัญหานั้นคุณทำอะไรกับ Smartphone ของคุณบ้าง เช่น ติดตั้ง Apps หรือมีการ Update อะไรหรือเปล่า ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถแก้ปัญหาให้ตรงจุดมากขึ้น หากติดตั้ง Apps แล้วเกิดปัญหา ก็ลองถอน Apps ที่ติดตั้งล่าสุดออกเสียก่อน แล้วดูว่าปัญหามันหายไปหรือไม่ สิ่งที่คุณควรเข้าใจเพิ่มเติมก็คือ Smartphone นั้นไม่ค่อยแตกต่างจากเครื่องคอมพิวเตอร์มากนัก เพราะฉะนั้นมันจึงมีองค์ประกอบต่าง ๆ เหมือนกับระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วย Hardware (ตัวเครื่อง) และ Software (โปรแกรม) เมื่อเกิดปัญหาคุณควรแยกมันให้ออกว่ามันน่าจะมีปัญหากับ Hardware หรือ Software ตัวอย่างเช่น หากคุณกดปุ่มเมนูต่าง ๆ บนตัวเครื่องไม่ได้ ปัญหานี้ก็น่าจะเกิ

ย้าย และคัดลอกไฟล์ด้วย Send to SD card

รูปภาพ
ย้าย และคัดลอกไฟล์ด้วย Send to SD card บทความนี้ขอแนะนำ Apps ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการย้าย และการคัดลอกไฟล์จาก Smartphone ไปยัง SD card ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้มองเห็นภาพและเข้าใจได้ง่ายขึ้น ผมขอยกตัวอย่างดังนี้ ในกรณีที่คุณมีรูปภาพอยู่ในแกลอรี่ และต้องการย้ายรูปภาพดังกล่าวไปเก็บยัง SD card เพื่อประหยัดพื้นที่บน Smartphone คุณสามารถใช้ Apps นี้ย้ายไฟล์รูปภาพดังกล่าว เพียงไม่กี่ขั้นตอน  ก่อนจะใช้งาน App นี้สามารถ Download และติดตั้ง App ได้ตาม Link ด้านล่าง วิธีติดตั้ง App ผ่าน Google Play >>คลิกที่นี่<< ติดตั้ง App : Send to SD card >>คลิกที่นี่<< เริ่มจากกดเลือก แกลเลอรี่ เพื่อเข้าไปค้นหารูปภาพที่เราต้องการย้ายไปยัง SD card เลือกรูปภาพที่ต้องการ จากตัวอย่างผมเลือกจำนวน 5 ภาพ หลังจากนั้นกดปุ่มแชร์ซึ่งอยู่ด้านบน (ด้านหน้าปุ่มถังขยะ) ปรากฏหน้าต่างสำหรับการแชรผ่าน ขึ้นมา กดเลือก SD card แสดงหน้าต่างที่มีเมนูให้เลือกตามภาพด้านล่าง ประกอบด้วย      Copy here หากกดที่ข้อความนี้ รูปภาพจะถูกคัดลอกไปยังโฟลเดอร์ที่กำหนดอยู

การจัดการไฟล์บน Android ตอนที่ 3

รูปภาพ
การจัดการไฟล์บน Android ตอนที่ 3 จากตอนที่แล้ว เราได้เข้ามาในโฟลเดอร์ Camera เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเห็นรูปภาพมากมาย หากเราต้องการย้ายรูปภาพไหนก็กดเลือก โดยการทำเครื่องหมายถูก (กดในช่องสี่เหลี่ยม) ด้านหน้ารูปภาพที่ต้องการ สังเกตด้านบนจะมีแถบเครื่องมืออยู่ 3 ตัว คือ ถังขยะ แชร์ และเมนู ให้กดเลือกเครื่องมือตัวสุดท้าย จะเห็นว่ามีเมนูย่อย ให้เลือก กดเลือกเมนู ย้าย จะกลับออกมายังเมนูหลัง กดเลือก extSdCard เพราะเราต้องการจะนำไฟล์รูปภาพที่เราเลือกย้ายเข้ามาที่นี่ เราสามารถเลือกโฟลเดอร์ย่อยที่ต้องการจัดเก็บไฟล์รูปภาพได้อีกด้วย จากตัวอย่างผมกดเลือก images จากนั้นกดเลือกข้อความ ย้ายมาที่นี่ (อยู่มุมบนขวามือของหน้าจอ) เพียงเท่านี้รูปภาพก็ถูกย้ายเข้าสู่ SD-Card เรียบร้อยแล้วครับ บทความที่คุณอาจสนใจ ขั้นตอนการสมัคร Gmail Smartphone ทำอะไรได้บ้าง Smartphone กับความเป็นส่วนตัว ความหมายของ Smartphone Apps คืออะไร เทคนิคการปรับแต่งและใช้งาน Android เบอร์โทรฉุกเฉินสร้างไว้ได้ประโยชน์ Google รูปภาพคืออะไร

การจัดการไฟล์ใน Android ตอนที่ 2

รูปภาพ
การจัดการไฟล์ใน Android ตอนที่ 2 จากตอนที่แล้วผมได้อธิบายให้มองเห็นภาพแล้วว่าไฟล์ที่สร้างด้วย Application ต่าง ๆ จะถูกเก็บใน Smartphone และพื้นที่ ๆ สามารถเก็บได้มีอยู่ 2 ส่วนคือในตัวเครื่อง และ ใน SD-Card ที่ซื้อมาติดตั้งเพิ่มเติม สำหรับไฟล์ขนาดใหญ่ต่าง ๆ เช่น ไฟล์เพลง และไฟล์วีดีโอ นั้น แนะนำให้เก็บลงบน SD-Card เนื่องจาการติดตั้ง Apps ส่วนใหญ่มักจะใช้พื้นที่บนตัวเครื่องเป็นที่เก็บไฟล์ หาก Smartphone ของคุณมีพื้นที่เก็บไฟล์ไม่มากคงไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน บทความนี้จะช่วยให้คุณสามารถย้ายไฟล์จากเครื่อง Smartphone เข้าไปเก็บยัง SD-Card ที่เราซื้อมาติดตั้งเพิ่มเติมได้อย่างง่าย ๆ มาดูรายละเอียดกันเลยครับ ก่อนอื่นคุณต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับชื่อโฟลเดอร์เสียก่อนว่าอะไรคือโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ลงตัวเครื่อง และอะไรคือโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์เข้าสู่ SD-Card จากภาพตัวอย่างนี้ผมเข้ามาจาก ไฟล์ส่วนตัว และเลือกเมนูไฟล์ทั้งหมด ทำให้มองเห็นโฟลเดอร์ extSdCard และ sdcard0 extSdCard คือ โฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ต่าง ๆ เข้าสู่ SD-Card ที่เราซื้อเพิ่มเติม sdcard0 คือ โฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ต่าง ๆ เข้าสู่ตัวเค

การจัดการไฟล์ใน android

รูปภาพ
การจัดการไฟล์ใน android การใช้งาน Smartphone นั้นไม่แตกต่างกับการใช้งานเครืองคอมพิวเตอร์ เพราะนอกจากจะมีระบบปฏิบัติการ มี Application แล้ว ยังมีไฟล์ต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นจาก Apps ต่างๆ นั่นเอง ไฟล์เหล่านี้มักจะถูกจัดเก็บภายในเครื่อง Smartphone และใช้พื้นที่ไปเรื่อย ๆ ยิ่งมีไฟล์เพิ่มขึ้นมากเท่าใด ก็ยิ่งเปลืองพื้นที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น สิ่งที่เราควรทำคือการตรวจเช็คไฟล์อย่างสม่ำเสมอหากมีไฟล์ซ้ำกันก็ลบออก การบริหารจัดการไฟล์เหล่านั้นอย่างสม่ำเสมอช่วยให้การใช้งาน smartphone ราบรื่นมากขึ้น ทางเลือกสำหรับ smartphone ที่มีขนาดเล็กคงหนีไม่พ้นการซื้อ sd-card มาติดตั้งเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้มีพื้นที่ในการจัดเก็บงานมากขึ้น สำหรับวิธีการในการเลิอกซื้อนั้นผมได้เขียนบทความแนะนำก่อนหน้านี้แล้ว (อ่านบทความการเลือกซื้อ Micro SD-Card คลิกที่นี่ บทความนี้เราจะมาดูพื้นที่ ๆ ใช้ในการเก็บไฟล์บนเครื่อง Smartphone กันครับ ซึ่งไฟล์ทั้งหมดจะอยู่ในไฟล์ส่วนตัว เมื่อเรากดเข้าไปจะพบว่ามีการจัดการหมวดหมู่เพื่อให้ค้นหาง่าย

ป้องกัน Apps บน Smartphone ด้วย AppLock

รูปภาพ
ไม่ได้เขียนบทความเกี่ยวกับการใช้งาน Apps มานานพอสมควร เนื่องจากรอให้มีการพัฒนา Apps ที่ดีและน่าใช้มาก ๆ ออกมาเสียก่อน และแล้ววันนี้ก็ถูกใจกับ Apps นี้เลยครับ AppLock ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับว่ามันใช้สำหรับป้องกัน Application บน Smartphone เครื่องโปรดของคุณนั่นเอง ทำไมต้องป้องกันหรือครับ ผมขอยกตัวอย่างให้ดูสักเล็กน้อยดังนี้ครับ สมมุติว่าคุณใช้งาน App ที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต และรหัสส่วนตัวต่าง ๆ คงไม่ดีแน่ถ้าหากว่ามีคนเปิด App นั้นได้ง่าย ๆ เพราะฉะนั้นหากคุณติดตั้ง AppLock จะช่วยให้ข้อมูลของคุณปลอดภัยขึ้น เพราะเมื่อต้องการเปิด App ที่ได้ตั้งค่าให้ปกป้อง มันจะถามรหัสผ่านทุกครั้ง และคุณคือคนเดียวที่รู้รหัสผ่านนั้น เพียงเท่านี้ข้อมูลที่มีความสำคัญของคุณก็จะปลอดภัยมากขึ้น หากมีการตั้งคำถามว่าทำไมไม่ล็อกโทรศัพท์ด้วยรหัสผ่านตั้งแต่แรกเลย  ผมคิดว่าบางคนก็ไม่นิยมที่จะใส่รหัสผ่านทุกครั้งที่ต้องการใช้งาน (เหมือนผม) พอมี App ตัวนี้ขึ้นมาเรียกได้ว่าถูกใจมาก ๆ เนื่องจากเลือกล็อกเฉพาะ App ที่มีความสำคัญได้นั่นเอง   วิธีติดตั้ง App ผ่าน Google Play คลิกที่นี่ ติดตั้ง App

การจัดการรหัสผ่าน password

รูปภาพ
การจัดการรหัสผ่าน password  รหัสผ่าน (Password) เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบริการออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Email, Social network และเว็บไซต์ ซึ่งนับวันจะมีบริการออนไลน์ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ทำให้เรามีรหัสผ่านเพิ่มมากขึ้นไปด้วย สำหรับวิธีการในการตั้งรหัสผ่านให้ปลอดภัยนั้นควรมีการผสมผสานกันระหว่างตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตัวเลข และสัญลักษณ์พิเศษต่าง ๆ นอกจากนี้ควรมีความยาวไม่น้อยกว่า 8 ตัวอักษร เช่น Bird7896! เป็นต้น  สิ่งที่ทำให้รหัสผ่านของคุณมีความแตกต่างกันในบางเว็บไซต์ก็คือ เว็บไซต์แต่ละแห่งนั้นมีข้อกำหนดในการตั้งรหัสผ่านไม่เท่ากัน บางเว็บไซต์ตั้งแค่ 4 ก็ใช้ได้แล้ว แต่บางเว็บไซต์ต้องตั้งไม่น้อยกว่า 8 ตัว จึงจะสามารถใช้งานได้ ทำให้จำนวนรหัสผ่านของเราเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะไม่เป็นผลดีในการจดจำอย่างแน่นอน ในการตั้งรหัสผ่านของแต่ละเว็บไซต์นั้น มักมีระบบกู้คืนรหัสผ่านให้กับคุณด้วย เพราะฉะนั้นอย่าละเลยที่จะกรอกข้อมูลให้กับมัน เพราะเมื่อคุณลืมรหัสผ่าน ระบบนี้จะสามารถสร้างรหัสผ่านใหม่ได้นั่นเอง จากที่ได้อ่านข้อความทางด้านบนแล้วผมเชื่อว่า หลาย ๆ คนน่าจะมีรหัสผ่านอยู่หลายตัว ด้วยเหตุผลข้างต้น และทีนี้ถ

Gmail กับการยืนยันตัวตนด้วยเบอร์โทรศัพท์

รูปภาพ
Gmail กับการยืนยันตัวตนด้วยเบอร์โทรศัพท์ การสมัครใช้บริการ Gmail ในปัจจุบันนั้นจะเห็นว่าคุณจะต้องมีการยืนยันโดยการส่ง SMS หรือโทรศัพท์เข้ามายังเบอร์โทรศัพท์ของคุณ การยืนยันตัวตนด้วยเบอร์โทรศัพท์บน Gmail นั้น ช่วยให้คุณมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น สำหรับชื่อเรียกแบบเป็นทางการก็คือการยืนยันแบบสองขั้นตอน ทำไมต้องมีการยืนยันแบบสองขั้นตอน? การลืมรหัสผ่านนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน วิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถกู้คืนรหัสผ่านได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้วิธีการนี้ยังทำให้บัญชี Gmail ของคุณมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย  ยกตัวอย่างเช่น หากคุณไปใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ไม่ใช่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของคุณ แล้วบังเอิญไปคลิกให้ระบบจำรหัสผ่านของคุณเอาไว้ หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ จะทำให้คนที่มาใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อจากคุณสามารถเข้าดูข้อมูลต่าง ๆ ภายในบัญชี Gmail ของคุณได้ทันที นอกจากนี้หากเขาต้องการทำการเปลี่ยนรหัสผ่าน คุณก็จะเสีย Email Account ของคุณอย่างแน่นอน เพราะคุณจะไม่สามารถเข้าใช้งานมันได้อีกต่อไป หากเกิดกรณีที่ยกตัวอย่างมา การยืนยันสองขั้นตอนช่วยคุณได้ เพราะเมื่อมีผู้ไม่หวังดีต้องการเปลี่ยนรห

Gmail กับบริการต่างๆของ Google

รูปภาพ
Gmail กับบริการต่างๆของ Google ในอดีตนั้น internet มีความเร็วน้อยกว่าในปัจจุบันเป็นอย่างมาก การสื่อสารด้าย email ในอดีตจึงทำได้เพียงการส่งข้อความ และรูปภาพ แต่เมื่อ internet มีความเร็วมากขึ้น ทำให้บริษัทผู้ให้บริการฟรี email ต่างๆ หันมาเพิ่มบริการใน email ของตนเองมากขึ้น สำหรับในบทความนี้จะกล่าวถึง gmail ซึ่งเป็นฟรี email ยอดนิยมในปัจจุบัน เมื่อคุณสมัคร gmail เสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่คุณจะได้รับก็คือ Account หรือเรียกว่าบัญชีผู้ใช้ โดยจะมีชื่อผู้ใช้ (username) และ รหัสผ่าน (password) สำหรับเข้าสู่ระบบ ในปัจจุบันมีบริการของ google มากมายที่คุณสามารถใช้ gamil account ของคุณเข้าใช้งานเช่น google+, Youtube, Drive, Picasa เป็นต้น Google+ คือบริการสังคมออนไลน์ (Social network) เช่นเดียวกับ Facebook ปัจจุบันมีผู้นิยมใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมีสิ่งที่น่าใช้งานอยู่มากมาย เช่น Hangout ที่ช่วยให้สามารถพูดคุยกับเพื่อน ๆ เป็นกลุ่มในรูปแบบ VDO ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการทำงานได้อีกด้วย เช่น การประชุมทางไกล เป็นต้น Youtube บริการนี้ไม่ต้องอธิบายก็คงทราบกันดีอยู่แล้ว ว่ามันคื

ยกเลิกการกีดกันเพื่อนใน Line

รูปภาพ
ยกเลิกการกีดกันเพื่อนใน Line หลังจากได้เขียนบทความเกี่ยวกับการกีดกันเพื่อนใน Line ไปเรียบร้อยแล้ว บทความนี้เราจะมาดูวิธีการยกเลิกการกีดกันเพื่อนใน Line คุณสามารถยกเลิกการกีดกันได้โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ เปิด Line ขึ้นมา กดเลือก อื่น ๆ   จากนั้นเลือก ตั้งค่า แสดงหน้าต่าง และเมนูในการตั้งค่าขึ้นมา เลือก บริหารรายการเพื่อน กดเลือกรายชื่อคนถูกกีดกัน ซึ่งจะแสดงรายชื่อของคนที่ถูกกีดกันขึ้นมา ซึ่งด้านหลังจะมีปุ่ม ไม่กีดกัน ต้องการยกเลิกการกีดกันที่คนใด ก็กดปุ่มไม่กีดกันที่ด้านหลังของเพื่อนคนนั้น แค่นี้ก็เรียบร้อยครับ บทความที่คุณอาจสนใจ ขั้นตอนการสมัคร Gmail Smartphone ทำอะไรได้บ้าง Smartphone กับความเป็นส่วนตัว ความหมายของ Smartphone Apps คืออะไร เทคนิคการปรับแต่งและใช้งาน Android เบอร์โทรฉุกเฉินสร้างไว้ได้ประโยชน์ Google รูปภาพคืออะไร

วิธีกีดกันเพื่อนใน Line

รูปภาพ
ในการใช้งาน Line นั้นมักจะมีการสนทนาไปมาระหว่างเพื่อนฝูง หากคุณเป็นคนที่ชอบคุยกับเพื่อน ๆ ของคุณเท่านั้น โดยไม่ต้องการคุยกับบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง คุณสามารถกีดกันบุคคลอื่น ๆ ไม่ให้ส่งข้อความมาหาเราได้ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ เปิด Line ขึ้นมา และกดเลือก เพื่อน   ซึ่งทำให้เราเห็นรายชื่อของเพื่อน ๆ ของเรา ต้องการที่จะกีดกันเพื่อนคนไหน เพียงแค่กดนิ้วค้างที่ชื่อเพื่อนคนนั้น ปรากฏหน้าต่างสำหรับการกีดกันขึ้นมา กดเลือกเมนู กีดกัน แสดงหน้าต่างสำหรับการยืนยัน การกีดกันขึ้นมา กดปุ่มตกลง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย บทความที่คุณอาจสนใจ ขั้นตอนการสมัคร Gmail Smartphone ทำอะไรได้บ้าง Smartphone กับความเป็นส่วนตัว ความหมายของ Smartphone Apps คืออะไร เทคนิคการปรับแต่งและใช้งาน Android เบอร์โทรฉุกเฉินสร้างไว้ได้ประโยชน์ Google รูปภาพคืออะไร บล็อกที่น่าสนใจของ Ninetechno http://onedrive365.blogspot.com/ http://google-drive365.blogspot.com/ http://twitter07.blogspot.com/ http://gmail-app.blogspot.com/ http://dropbox365.blogspot.com/ http://jooml

ลงทะเบียน Email ใน Line

รูปภาพ
ลงทะเบียน Email ใน Line โดยทั่วไปแล้วเมื่อเราสมัคร Line บนโทรศัพท์มือถือเรามักจะสมัคร (ลงทะเบียน) ด้วยเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งรวดเร็วกว่าการใช้ Email แต่หากเราต้องการลงทะเบียน Email เพื่อใช้งาน Line บนเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ สามารถลงทะเบียนผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้ เปิด Line ขึ้นมา กดเลือกอื่น ๆ และกดการตั้งค่า  กดเลือก บัญชี เพื่อเข้าสู่การปรับแต่งบัญชี กดเลือก ลงทะเบียนบัญชีอีเมล (สังเกตว่าด้านหลังจะมีข้อความ ยังไม่เสร็จ) ใส่ที่อยู่อีเมล ที่ต้องการลงทะเบียน พร้อมด้วยรหัสผ่านที่ต้องการ 2 ครั้ง (ให้เหมือนกัน) จากนั้นกดปุ่มลงทะเบียน Line จะส่งหมายเลขสำหรับยืนยัน ไปยัง Email ที่เราใช้ลงทะเบียนกับ Line ย่อ Line ลงไปเก็บด้านล่างด้วยการกดปุ่ม Home (บนตัวเครื่องโทรศัพท์มือถือ) และเข้าไปยัง Email ของเรา เข้าไปดู Email ที่ Line ส่งมาหาเราจะเห็นว่ามีหัวข้อ Verification code : ตามด้วยตัวเลข 4 ตัว นำเลขกลับมาใส่ที่ Line กดปุ่มลงทะเบียน กดปุ่มตกลงเป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ บทความที่คุณอาจสนใจ ขั้นตอนการสมัค

วิธีดูเวอร์ชั่นของ Line

รูปภาพ
วิธีดูเวอร์ชั่นของ Line อย่างที่ผมได้อธิบายเกี่ยวกับความสำคัญของการดูเวอร์ชั่นไปในบทความก่อนหน้านี้แล้ว  ในบทความนี้เราจะมาดูเวอร์ชั่นของ Line กันบ้าง Line เป็นAppสำหรับการสื่อสาร ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ และมีการพัฒนาอยู่บ่อยครั้ง และเมื่อมีการพัฒนาก็มักจะมีความสามารใหม่ๆมาให้เราได้ใช้งานเสมอ สำหรับในบทความนี้เราจะมาดูวิธีการในการดูเวอร์ชั่นของ line เนื่องจากในรุ่นใหม่ๆ นั้นมีความสามารถที่เรียกว่า timeline ขึ้นมา ซึ่งช่วยให้เราสามารถใช้ line ในลักษณะคล้ายๆ facebook ได้อีกด้วย วิธีการในการดูเวอร์ชั่นของ line มีดังต่อไปนี้ หลังจากเปิด Line ขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว คลิก อื่น ๆ และตามด้วย ตั้งค่า เลือกเมนูล่างสุด เกี่ยวกับไลน์ ดูเวอร์ชั่นที่คุณใช้งานอยู่ได้จากหัวข้อ เวอร์ชั่นปัจจุบัน บทความที่คุณอาจสนใจ ขั้นตอนการสมัคร Gmail Smartphone ทำอะไรได้บ้าง Smartphone กับความเป็นส่วนตัว ความหมายของ Smartphone Apps คืออะไร เทคนิคการปรับแต่งและใช้งาน Android เบอร์โทรฉุกเฉินสร้างไว้ได้ประโยชน์ Google รูปภาพคืออะไร

วิธีดูเวอร์ชั่นของ facebook

รูปภาพ
วิธีดูเวอร์ชั่นของ facebook ในการสร้าง Apps ขึ้นมานั้นในครั้งแรกย่อมขาดความสมบูรณ์ 100%  เนื่องจากความต้องการ และการใช้งานของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ทำให้ต้องมีการแก้ไข ปรับปรุง วิธีการทำงานอยู่โดยตลอด ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเท่าใดก็ยิ่งต้องมีการแก้ไขปรับปรุงมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้มีเวอร์ชั่น หรือรุ่นของ App เกิดขึ้นมามากมายตามไปด้วย เพื่อช่วยให้การสื่อสารระหว่างผู้ผลิตกับผู้ใช้งาน หรือผู้ใช้งานด้วยกันเองสามารถสื่อสารกันได้ดีขึ้น เราควรตรวจสอบเวอร์ชั่น หรือรุ่นของ App ที่เราใช้งานให้เป็น ทั้งนี้เพื่อช่วยให้ทราบความสามารถของ App ที่เราใช้งานอยู่ และเมื่อเกิดปัญหากับ App ทีมผู้พัฒนาจะได้แก้ไขปัญหา และแนะนำให้ใช้งานรุ่นที่แก้ปัญหาแล้วได้อย่างถูกต้อง สำหรับวิธีดูเวอร์ชั่นของ facebook บนระบบปฏิบัติการ Android สามารถทำได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้  เริ่มจากเปิด Facebook ขึ้นมา ไม่ว่าจะอยู่ในหน้าโปรไฟล์ส่วนตัว หรือหน้าแรกของ Facebook สามารถดูเวอร์ชั่นของ Facebook ได้ โดยการกดปุ่มเมนู (บนตัวเครื่อง) กดเลือกเมนู เกี่ยวกับ เพียงเท่านี้ก็สามารถดูเวอร์ชั่นของ Facebook ที่คุณใช้งานอย